‘ตี้ พะเยา’ โบกธงเสื้อแดง ปี 52 ลั่น ไม่แปลก หากใครสักคนอยู่ในกรงขัง แต่ ‘อุดมการณ์’ ยังออกมาโลดแล่น
เมื่อวันที่ 12 มีนาคม ที่ เกาะพญาไท อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ กรุงเทพฯ ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการนัดหมายชุมนุม นำโดย น.ส.วรรณวลี ธรรมสัตยา หรือ ตี้ พะเยา เพื่อส่งเสียงเรียกร้อง ให้ 1.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ลาออกจากการเป็นนายกรัฐมนตรี 2.แก้ไขรัฐธรรมนูญ และ 3.ยกเลิกกฎหมายอาญา มาตรา 112 โดยวันนี้จะมีการปราศรัยในประเด็น “สังคมทราม”
โดยเวลา 17.25 น. นายอาเล็ก โชคร่มพฤกษ์ ศิลปิน นักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ทำการดีดกีต้าร์ร้องเพลง “เราจะทำตามสัญญา” ฉบับดัดแปลง และเพลงเนื้อหาต้านเผด็จการ สร้างความคึกครื้นให้ผู้ชุมนุมได้โยกย้ายหลายบทเพลง บางส่วนได้เคาะหม้อตามจังหวะดนตรี สำหรับการชุมนุมวันนี้ใช้เพียงเครื่องขยายเสียงขนาดเล็ก 2 ตัวเท่านั้น
สำหรับบรรยากาศโดยทั่วไป ยังคงเป็นไปอย่างสงบ มีประชาชนมาร่วมฟังการปราศรัยและให้กำลังใจอย่างต่อเนื่อง ทางนี้มีการนำกระดาษโพสต์อิท มาให้ผู้ร่วมกิจกรรมได้เขียนข้อความในใจ ถึงรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อีกด้วย
เวลาประมาณ 21.00 น. น.ส.วรรณวลี ธรรมสัตยา หรือ ตี้ พะเยา นำธงรุ่นแรกของคนเสื้อแดง ที่ตกทอดกันมาตั้งแต่ปี 2552 ว่าชู พร้อมโบกสะบัดต่อหน้าผู้ชุมนุม
น.ส.วรรณวลี กล่าวว่า นี่คือสิ่งสำคัญ สิ่งของที่ถูกตกทอดมาเป็น 10 ปี สามารถมาอยู่ในมือเด็กรุ่นเราได้ ก็ไม่แปลก ถ้าหากจะมีใครสักคนที่อยู่ในกรงขัง แต่อุดมการณ์ยังออกมาโลดแล่น
“ตี้แค่อยากผลักดัน ทิ้งอะไรไว้ที่เป็นรูปธรรม อยากจะทำอะไรให้เกิดขึ้น ก่อนจะเข้าไปข้างในเรือนจำ เวลาออกมาม็อบ ก็จะมีประชาชนมาคอยช่วยเหลืออยู่ตลอด ประชาชนไม่ต้องพึ่งรัฐบาลชุดนี้แล้ว ยังหน้าด้านนั่งอยู่ในสภาได้อย่างไร วันนี้รัฐบาลไม่สามารถแก้ไขปัญหาปากท้องได้ ที่ออกมาเพราะเรารู้ว่ามีปัญหาอะไรบ้าง และต้องแก้อะไร ติดที่สิ่งเดียว คือรัฐบาลไม่อนุมัติให้แก้ไข เมื่อไม่ให้แก้ ก็จะคว่ำบาตรรัฐบาลเอง
อย่างราคาข้าว ปัจจุบันเหลือ 5-6 บาท เขาจะอยู่อย่างไร ในขณะที่ข้าวราคาเท่านั้น ค่าปุ๋ย ค่าต้นทุน ค่าเช่าที่ กลับแปรผกผัน ช่วยกันขึ้นราคา บ้าหรือเปล่า เรียนเศรษฐกิจกันมาอย่างไร ถ้าบริหารเศรษฐกิจได้ห่วยแตกแบบนี้ เชิญลงจากตำแหน่งดีๆ เหมือนนายกหญิงยิ่งลักษณ์เถอะ ถึงตอนนั้นจะไม่มีใครครหาท่านเลย
รัฐบาลพยายามทำให้ประชาชนไม่สามารถลืมตาอ้าปากได้ อย่างกรณีเบียร์คราฟต์ หากสมมุติว่าคุณทำเบียร์คราฟต์ได้อร่อยมาก อยากทำขายวันละ 10 ขวดก็ไม่สามารถทำได้ ต้องผลิตได้ประมาณ 180,000 ลิตรต่อปี นั่นหมายความว่า อาชีพที่ทำให้ประชาชนลืมตาอ้าปากได้ จะไม่ให้โอกาส แต่ให้นายทุนมาขายได้ ไปจนถึงเรื่องบุหรี่ ที่รัฐบาลออกกฎหมายว่าบุหรี่ไฟฟ้าผิดกฎหมาย ทำไมรัฐบาลต้องกำหนดอย่างนั้นประชาชนกำหนดเองไม่ได้ ออกกฎหมายมาอย่างหน้าตาเฉยว่าห้ามใช้ ทั้งที่ปลอดภัยกว่าบุหรี่มวนหลายเท่า” น.ส.วรรณวลีกล่าว
นอกจากนี้ น.ส.วรรณวลี ยังกล่าวถึงประเด็นที่ดิน สปก.ว่า ประชาชนไม่สามารถเข้าถึงได้ รัฐมนตรีที่มาจัดสรรปันส่วนที่ดินก็ไปออกกฎหมายใหม่ว่าคนที่ครอบครองที่ดิน สปก.สามารถตั้งโรงงานได้ เลี้ยงสัตว์ เลี้ยงไก่ได้ ซึ่งเหตุผลหลัก ของที่ดิน สปก.คือให้คนที่ไม่มีเงิน ได้ทำมาหากิน ใช้ผลประโยชน์จากผืนแผ่นดินของภาครัฐ
“เมื่อธรรมนัส ตั้งกฎมาแบบนี้ แล้วคนจนที่ไหนจะเอาเงินไปตั้งโรงงาน นอกจากนายทุน ยังมีการออกมาแก้ตัวว่า เป็นการเพิ่มโอกาสให้ประชาชนได้ทำหลายอาชีพ ถ้าอย่างนั้น ไปเพิ่มรัฐสวัสดิการ และเงินเดือนขั้นต่ำให้เขาก่อน เมื่อยังได้รับสวัสดิการห่วยๆ แบบนี้ เขาจะเอาเงินออมที่ไหนไปสร้างโรงงานให้รัฐได้
ถ้าทุกคนยังนิ่งเฉยแบบนี้ ในอนาคตแผ่นดินที่ควรจะอยู่ในมือประชาชนทุกคน จะไม่ได้อยู่ในมือประชาชนแล้วต่อไปก็จะออกกฎหมายให้ใครก็ได้ สามารถครอบครองที่ดินภาครัฐ ไปทำธุรกิจได้ ไม่ได้ช่วยประชาชนชาวรากหญ้าอย่างแท้จริง คนจนมี 90 เปอร์เซ็นต์ คนรวยมี 10 เปอร์เซ็นต์ในห่วงโซ่ แต่ดันฟังคน 10ทเปอร์เซ็นต์ และละทิ้งคนอีก 90 เปอร์เซ็นต์ ทำแบบนี้ได้อย่างไร หนูจึงออกมา”
น.ส.วรรณวลีกล่าวอีกว่า ทหาร ตำรวจ มีระบบอุปถัมภ์มากมาย บางคนมีความรู้ความสามารถมาก แต่ไทยต่างกับต่างประเทศอย่างหนึ่ง คือรักพวกพ้อง อำนวยความสะดวกให้พวกพ้อง จนไม่สนความรู้ความสามารถ ส่วนตัวอยากเปลี่ยนแปลงระบบข้างใน ว่าให้ตำแหน่งมาจากความสามารถ ไม่ใช่จากพี่น้องเครือญาติ
“วันนี้ตำรวจจราจร ตำรวจนอกเครื่องแบบ มีความสามารถมากกว่าผู้บังคับบัญชาของตัวเองด้วยซ้ำ แต่อยู่ได้เท่านี้ เพราะระบบมันมีปัญหา คือระบบอุปถัมภ์ เด็กบางคนตั้งใจแทบตาย วิดพื้น ยิงปืน ฝึกฝนตัวเองและพัฒนา เพื่อปกป้องพี่น้องประชาชนในประเทศ แต่กลับได้แค่เป็นตำรวจโบกจราจร คุณดูถูกค่าความเป็นมนุษย์ แม้แต่ลูกน้องของคุณเอง แล้วเขาจะรักพวกคุณได้อย่างไร นี่คือสิ่งสำคัญที่ทำให้เราได้รู้เรื่องตั๋วช้าง”
จากนั้น ผู้ชุมนุมปรบมือให้กำลังใจตำรวจชั้นผู้น้อย
น.ส.วรรณวลีกล่าวว่า พี่ไม่ต้องออกมายืนเคียงข้างประชาชนก็ได้ แต่ถ้ามีข้อมูลอะไรส่งมา เราจับมือแบบลับๆ ก็ได้ ขอว่า วันหนึ่งถ้ามีการสั่งฆ่า สั่งทำร้าย โปรดมีจิตใจเป็นมนุษย์ อย่าทำพวกประชาชนเลย
“วันใดวันนึงที่เขากล้าหาญด้วยอุดมการณ์ที่เราถ่ายทอดให้ วันนั้นเขาจะถึงโล่ และจับมือสู้กับเรา” น.ส.วรรณวลีกล่าว
โดย ผู้ชุมนุมตะโกน “เผด็จการจงพินาศประชาราษฎร์จงเจริญ” จากนั้นมีการร่วมร้องเพลง และโยกย้ายตามจังหวะ ก่อนยุติการชุมนุม